จะเทรดให้ดี ต้องหัดลบเครื่องมือที่ไม่ใช้ออกไปบ้าง
การพยายามจะเทรดด้วยข้อมูลที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียได้เท่าๆ กับการเทรดโดยมีข้อมูลไม่เพียงพอ เทรดเดอร์ที่ฉลาดย่อมรู้ดีว่าเครื่องมือใดที่จำเป็นต้องใช้และลบที่ไม่จำเป็นทิ้งไป เราจะแสดงให้คุณดู
เมื่อพูดถึงเรื่องการเทรด แน่นอนว่าการมีข้อมูลอยู่ในมือเป็นเรื่องดี แต่ก็หมายถึงข้อมูลในระดับที่พอเหมาะ
ยิ่งคุณมีอินดิเคเตอร์มาก คุณก็จะได้รับสัญญาณในการซื้อและขายมากขึ้นตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น อินดิเคเตอร์บางตัวอาจบอกให้คุณเข้าซื้อ แต่ในเวลาเดียวกัน อีกตัวก็แจ้งเตือนว่าตลาดเกิด overbought การมีอินดิเคเตอร์มากเกินไปอาจทำให้ได้รับข้อมูลที่ขัดแย้งกันไปมาทำให้คุณเองต้องสับสน
วิธีแก้น่ะหรือ ลบเครื่องมือที่คุณไม่ใช้ออกเสีย
พฤติกรรมที่ขัดแย้งกับความคิดเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการตัดสินใจเพื่อให้ประสบความสำเร็จ
ในสนามการซื้อขายนั้นย่อมเกิดพฤติกรรมที่ขัดแย้งกับความคิดเสมอ สัญญาณขาขึ้นและขาลงเกิดขึ้นพร้อมๆ กันอยู่ตลอดเวลาและคุณไม่อาจตัดสินใจให้แน่ชัดว่าควรจะตามสัญญาณตัวไหน วิธีที่ดีที่สุดคือพยายามตัดสินใจให้ง่ายที่สุด อย่าทำให้เรื่องยุ่งยากซับซ้อนเกินไปโดยการระบุลงไปว่าเครื่องมือแต่ละชนิดใช้ทำหน้าที่อะไร แล้วเพราะอะไรคุณจึงเลือกใช้เครื่องมือนี้
เครื่องมือทุกชนิด (อินดิเคเตอร์ กราฟ) ช่วยในเรื่อง:
- บ่งบอกแนวโน้ม
- วัดความผันผวนและจังหวะการเคลื่อนไหวของราคา
- วัดส่วนเบี่ยงเบนเฉลี่ย (average deviation) จากค่าเฉลี่ย (mean)
- ค้นหาจุดเข้าซื้อขายที่แน่นอน
หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่เทรดแบบตามแนวโน้ม (trend following) เช่นคุณมีนิสัยชอบเปิดเทรดระยะยาวแล้ว แนวโน้มที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (active trends) และจังหวะการเข้าซื้อที่ถูกต้องนั้นสำคัญสำหรับคุณมาก ในขณะที่อัตราการเปลี่ยนแปลงราคาระหว่างวันอาจไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญเท่าสองเรื่องแรก ในกรณีนี้เครื่องมือที่คุณควรใช้คือ เส้นค่าเฉลี่ย (MA) 2 เส้น (เร็วและช้า) เพื่อระบุถึงทิศทางของแนวโน้มและรูปแบบแท่งเทียนเพื่อหาจังหวะเข้า
ถ้าหากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ใช้ momentum คุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าแนวโน้มระยะยาวจะไปทางไหน และคุณจะทำเงินได้เมื่อตลาดทะลุผ่านพื้นที่แนวแคบ ในกรณีนี้ คุณจำเป็นต้องทราบระดับความผันผวนในขณะนั้นหากว่าราคาร่วงลงทำจุดต่ำสุดใหม่ ก็อาจสันนิษฐานได้ว่าตลาดใกล้จะทะลุได้ในไม่ช้า
ถ้าหากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ใช้ momentum คุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าแนวโน้มระยะยาวจะไปทางไหน และคุณจะทำเงินได้เมื่อตลาดทะลุผ่านพื้นที่แนวแคบ ในกรณีนี้ คุณจำเป็นต้องทราบระดับความผันผวนในขณะนั้นหากว่าราคาร่วงลงจนถึงจุดต่ำใหม่ ก็อาจสันนิษฐานได้ว่าตลาดใกล้จะทะลุได้ในไม่ช้า
เครื่องมือของคุณในกรณีนี้คือการดูกราฟเป็นหลัก เพื่อใช้ระบุองค์รวมของกราฟ และการใช้ ATR (สำหรับวัดความผันผวน) รูปแบบของแท่งเทียนจึงไม่จำเป็นในกรณีนี้เพราะราคามีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยไม่มีรูปแบบแท่งเทียนใด ๆ มากำหนดได้ในช่วงเวลานี้
หากคุณทำการซื้อขายในตลาด range-bound คุณต้องรู้ตำแหน่งเทรดที่อาจเกิดการกลับตัว กรณีนี้จำเป็นต้องใช้เทคนิค Envelopes หรือ Bollinger Bands เมื่อราคาลงต่ำหรือขึ้นสูงตามอินดิเคเตอร์ คุณก็คอยเฝ้าจังหวะแท่งเทียนกลับตัวได้
จำไว้ว่าสถานการณ์สมมติข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น คุณอาจใช้เครื่องมือที่หลากหลายในการซื้อขาย สิ่งสำคัญในหัวข้อนี้คือคุณต้องรู้เหตุผลที่เลือกใช้เครื่องมือนั้นและรู้ว่าตัวคุณเองต้องการอะไร การรู้คำตอบเหล่านี้ชัดเจนแน่นอนจะช่วยให้คุณเทรดได้ง่ายขึ้น
ทีเด็ดเคล็ดลับ: ทำให้เป็นเรื่องง่ายๆ
ถ้าพูดถึงเรื่องการเทรด การมีข้อมูลมากเกินไปก็อาจอันตรายได้เหมือนๆ กับเมื่อมีข้อมูลไม่เพียงพอ คุณควรคิดวิเคราะห์เครื่องมือใดบ้างที่เป็นและไม่เป็นประโยชน์ แล้วลบอย่างหลังทิ้งไป
ลองทำรายชื่อเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ของคุณออกมาแล้วระบุสั้นๆ 2-3 ประโยคว่าเครื่องมือแต่ละชนิดใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจได้ว่า เครื่องมือใดบ้างที่สำคัญในการตัดสินใจและช่วยลดความคิดที่ขัดแย้งกันเอง
ที่มา : Exness
Comments are closed.