ให้คิดในแง่ของพื้นที่ แทนที่จะเป็นเรื่องของระดับ
การพูดถึงแนวรับและแนวต้านอาจทำให้คุณมองมันในแง่ของระดับที่เป็นเส้นตามแนวนอน แต่นั่นช่างแตกต่างไปจากการมองของเทรดเดอร์มืออาชีพนัก ในความเป็นจริงแล้ว ผู้เล่นในตลาดที่ฉลาดจะสะสมสถานะซื้อขาย ณ บริเวณระดับราคาหนึ่ง ๆ ซึ่งเราขอเรียกมันว่าเป็น พื้นที่
การมีมุมมองของแนวรับและแนวต้านแบบนี้จะนำไปสู่การมองตลาดได้ลึกซึ้งขึ้น และช่วยให้ผู้นั้นสามารถหลุดจากกรอบความคิดได้โดยมองในแนวดิ่งด้วย
ขอให้คำนึงถึงหลักการด้านล่างนี้เอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดเกี่ยวกับแนวรับและแนวต้าน และสามารถใช้งานจุดอ้างอิงนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- หาช่วงการซื้อขายที่มีอยู่จากแนวโน้มแวดล้อม
ในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวอย่างอิสระซึ่งไม่มีทิศ (แนวโน้ม) ไปในทิศใด ช่วงการซื้อขายจะผันผวนและอาจเกิดการเคลื่อนไหวรุนแรงได้โดยไม่คาดคิด แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าหากมีปัจจัยด้านแนวโน้มอยู่ก็เป็นไปได้ที่ความผันผวนในการปรับฐานจะมีจำกัด และ เทรดเดอร์น่าจะหาแนวต้าน/แนวรับได้ดีขึ้น
ในตัวอย่างด้านล่าง ทองคำ (XAUUSD) ไต่ระดับขึ้นโดยมีปัจจัยด้านแนวโน้มที่สังเกตให้เห็นได้ (แนวโน้มยกตัวสูงขึ้น) ส่งผลให้มีพื้นที่แคบ ๆ เป็นแนวรับที่ให้เทรดเดอร์ใช้เป็นตำแหน่งการซื้อขายเพื่อสร้างสถานะซื้อขายด้วยความเสี่ยงที่มีจำกัด
- อย่าคาดหวังว่าตลาดจะกลับตัวอย่างรวดเร็วในจังหวะที่มันเข้าสู่พื้นที่ของแนวรับ/แนวต้าน
ตลาดจะไม่เคลื่อนไปในทิศที่คุณต้องการเพียงเพราะมันเข้าสู่พื้นที่แนวรับ/แนวต้านของคุณ ในทำนองเดียวกัน มันอาจอยู่แถวพื้นที่นี้นานเป็นเวลาหลายวัน นั่นคือตรรกะของตลาด
เทรดเดอร์สถาบันที่รับผิดชอบดูแลตลาดจะทยอยสะสมสถานะซื้อขายอยู่ระยะหนึ่งและมักจะถือครองสถานะซื้อขายสักพักจนกว่าจะเห็นผลงานที่ดี นั่นคือดูว่าตลาดเคลื่อนไปในทิศที่พวกเขาต้องการหรือไม่
- บันทึกการกำหนดจุดเข้าและจุดออก
หลังจากที่ระบุแนวโน้ม เทรดเดอร์ที่ต้องการเข้าตลาดในพื้นที่แนวรับมักจะรอให้ตลาดพักฐานก่อนจะใช้อินดิเคเตอร์ Envelopes นี่จะทำให้พวกเขาสามารถปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ที่แตกต่างได้เอง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจุดสูงสุดและต่ำสุดของกรอบอินดิเคเตอร์จะแตะที่จุดสูงสุดและต่ำสุดจริง
หนึ่งในวิธีทั่ว ๆ ไปที่เทรดเดอร์ใช้เพื่อจำกัดความเสียหายก็คือการกำหนดจุดหยุดความเสียหายไว้ในคำสั่ง วิธีอย่างเป็นแบบแผนในการกำหนดจุดหยุดขาดทุนก็คือพิจารณาความผันผวนของตลาดและดูว่าคุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน เทรดเดอร์หลายคนใช้อินดิเคเตอร์ ATR เมื่อกำหนดจุดหยุดความเสียหาย คำสั่งที่มีจุดหยุดความเสียหายอาจกำหนดหลาย ๆ ค่า หรือส่วนย่อยของหลายค่า จากค่า ATR
ในกราฟด้านล่าง เราใช้ค่า ATR สูงสุด แล้วคูณมันด้วยสอง และบวกค่าเพิ่มเข้าไปให้ถึงจุดที่ราคาแตะขอบ Envelopes เพื่อให้แน่ใจว่าจุดหยุดความเสียหายที่ไกลขึ้นจะไม่เพิ่มความเสี่ยงขึ้น คุณต้องปรับลดขนาดของสถานะซื้อขายของคุณให้เหมาะสมตาม
ประเด็นสำคัญที่ขอฝากไว้:
เทรดเดอร์ที่ฉลาดจะคำนึงถึงทิศทางของแนวโน้มก่อนเริ่มสร้างสถานะซื้อขายภายในพื้นที่แนวรับ/แนวต้าน
วิธีทั่วไปที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้กันและยังเป็นการประยุกต์ของอินดิเคเตอร์ Envelopes บนกราฟ ก็คือการเพิ่มบริเวณและกำหนดพื้นที่ของแนวรับ/แนวต้าน (อ้างอิงจากตัวอย่างด้านบน)
ที่มา : Exness
Comments are closed.